วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559

การออกแบบความสนุก Entertainment Design

หน้าที่ของผมทุกวันนี้คือการออกแบบ มวล ความสนุก
การออกแบบความสนุก entertainment design 
สำหรับผมวัดกันตรงที่มีใครยอมจ่ายเงินมาเพื่อความสนุกหรือไม่
ก่อนจะทำสิ่งนี้ได้ เราต้องเข้าใจก่อนว่าคำว่าสนุก เป็นเรื่องสัมพัทธ์ (reletively)
สนุกของเราก็อาจจะไม่สนุกของเค้า สนุกของคนทำก็อาจจะไม่ใช่สนุกของคนดู
ดังนั้นทุกงานจะต้องเริ่มตั้งที่บรรทัดฐานว่า ความสนุกของคนดูคืออะไร
เป็นเส้นบรรทัดสำหรับวัด
สำหรับคอนเสิร์ตเดี่ยวผมรู้สึกว่าความสนุกของคนดูในระดับที่เค้าจ่ายเงินมาดูคือ 
การพบปะกับศิลปินที่เค้าเรา เพราะผมทดสอบมาว่าถ้าคนจะจ่ายเงินมาดูคอนเสิร์ต
คนจะยอมควักกระเป๋าโดยดูก่อนว่าใครเป็นศิลปิน และอาจจะคิดต่อว่าดูมากี่ครั้งแล้ว
จะน่าเบื่อมั้ย ถ้าเค้ามีเพลงใหม่ๆหรือกำลังดังในกระแสก็พอจะเดาได้ง่ายว่า เค้าคงจ่าย
มาดูความสนุกในสิ่งเหล่านั้น แต่ปัญหาของทุกๆวันนี้คือ
ทุกสิ่งมันซ้ำๆไปหมด เราต้องขายของบ่อยขึ้นเร็วขึ้น เพราะเป็นยุค
ของกระแสนิยมที่มาเร็วไปเร็ว อยากได้เงินก็ต้องทำตอนกระแสมา 

สำหรับ พวกfestival  คือบรรยากาศการไปร่วมงานนั้นๆ โดยมีองค์ประกอบมากมาย
แต่สำหรับไทยก็ยังเป็นศฺลปินที่สามารถดึงดูดความต้องการของเด็กไปดูได้

ดังนั้นพวกงานบันเทิงแบบอื่นจึงมีปัญหาเสมอ เช่นพวกละครเวที
ต่างๆ งานศิลปะ มันเป็ฯความสนุกแบบต้องมีความรู้ จึงกรองคนออกไปจำนวนมาก
และบางที่ยังต้องรอคนไปดูแล้วมาบอกต่อ

ปัญหาของการทำงานออกแบบคือสถานที่
เพราะทุกวันนี้าคาสถานที่เปฯสิ่งที่แพง งานความสนุกใหม่ๆที่ไม่ใช่
เรื่องนำเอาศิลปินมาขายจึงเป็นเรื่องยาก
(คอนเสิร์ตจึงเป็นสิ่งที่ขายง่ารยขายด้วยแค่หน้าหนัง เรราไม่มีทางรู้เลยว่าคอนจริงๆเป็นอย่างไร
เพราะเล่นแค่2-3รอบ ท้ายสุดคือขายบนความเชื่อ)
ดังนั้นงานออกแบบความสนุกแบบอื่นนั้นจึงต้องใช้เวลาและการลงทุน
ให้คนรู้จักว่านี่คือความสนุกแบบใหม่ที่ไม่ได้เอาบรรทัดฐานไว้ที่ศิลปฺิน
การลงทุนครั้งแรกเลยมักจะเจ๊งเสมอ

(ยังไม่จบ)

วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

The yers

ความตั้งใจที่จะทำlive sessionของthe yers คือเมื่อได้มีโอกาสทำวงรุ่นใหม่ แนวๆในที่เล็กๆ มันเป็นโจทย์ที่ท้าทายการทำงาน ได้เปิดประตูใหม่ๆสู่โหมดงานกลุ่มใหม่ๆในงานentertainment กลุ่มที่เล็กลง ซึ่งผลที่ออกมา ยังไม่พอใจในงานตัวเอง เมื่อเทียบตัวเองกับผู้นำในกลุ่มนี้ ก็ยังห่างกันอีกหลายก้าว แต่เรา แต่ก็สนุกและเต็มที่ ผมพยายามทำ งานในหลากหลายแนว ในกลุ่มธุรกิจบันเทิง เพื่อให้เราชัดเจนในความสามารถ จบงานthe yers ก็ยังไม่เข็ดกับงานเล็กๆจองเด็กรุ่นใหม่ๆ จะทำอีก ทุกครั้งที่มีโอกาส และจบงานนี่สื่งที่ได้เห็นคือ น้องๆในทีมเก่งขึ้นมาก อยุ่กันไม่นานแต่ความสามารถเค้าพัฒนามาก แม่ไม่มีใครรู้ว่าลูกน้องจะทนเราได้แค่ไหน จะเบื่อเราจริงๆเมื่อไหร่ แต่สิ่งเดียวที่เชื่อได้คือในด้านการงานเค้าเก่งขึ้นและความเก่งนี้มันติดอยู่กับตัวเค้าไม่ใช่ตัวเรา

ปี2558

เหมือนปีนี้ไม่ใช่ปีที่ดีของตัวเองและออฟฟิส ทั้งในเชิงผลงานและการเงินที่บัดซบที่สุดในรอบ5ปี น่าจะเป็นปีที่กรรมตามทันนะ..ไปกดดันใครเค้าไว้ ไปอาละวาดใคร  มันคงย้อนมาสนองกรรมตัวเอง แต่ยืนยันก็จะเป็นคนทุ่มเทเสมอต้นเสมอปลาย เดินไปข้างหน้าแม้ใครจะไม่เข้าใจ เดี๋ยวรอดูอีกสองเดือน ถ้าไม่มีsurprise ก็คงจบปีแบบสะบักสะบอม พอสมควร

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เทนนิสexhibition match nadal&djokovic ความพลาดที่ต้องเรียนรู้

เป็นงานที่ตั้งใจจะทำให้มีซีนเปิดตัวของแต่ละคนอย่างเท่ห์ กว่าจะได้เข้าไปบรีฟตัวนักเทนนิสค่อนข้างยาก ต้องรอหลายครั้ง ผ่านหลายด่านมาก บรีฟไป ก็ต้องมาลุ้นว่านาดาล และโจโกวิชจะทำได้มั่ย พลาดมั้ย เพราะไม่มีซ้อมเลย แต่เรากลับพลาดที่อุปกรณ์เราเอง... เศร้ามาก เพราะโอกาสแบบนี้ไม่รู้จะมีอีกเมื่อไหร่ กว่าเค้าจะยอมทำเราจะได้คุย มันช่างยากกก ...นอนไม่หลับเลยทั้งคืน

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

จบแสตมป์ ฟ้าผ่า ไปอีกอัน

เป็นคอนเสิร์ตที่อยากทำให้แตม ศิลปินขี้กังวล ได้มีคอนเสิร์ตที่เจอพื้นที่ของตัวเอง ผลักให้เดินออกไปอีกก้าว ครึ่งหนึ่งของชีวิตการทำคอนเสิร์ตคือออกแบบให้ศิลปิน มั่นใจว่าเค้าจะอยู่รอดบนเวทีแบบคนดูรักเค้า เป็นงานที่ออกมาสนุก แม่ว่างานฝั่งที่ถนัดที่สุดคือproductionเละตุ้มเป๊ะ ผิดตั้งแต่คิวแรกยันคิวสุดท้าย...แต่คนดูก็ยังฟิน ไม่มีคนดูด่าproductionอะไร ....ท้ายสุดตราบใดที่คนดูฟิน อะไรก็ดีไปโม้ดดดดด....ปล.คราวหน้าขอแก้ตัวกะงานproductionทร่จะกลับมาทำให้เนี๊ยบอีกทีนะ

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ไปประกาศตัวว่าจะเล่าเกี่ยวกับความคลั่งไคล้ในวงการมาก

พอประกาศตัวไปแบบนร้ก็เลยเรื่มอยากจะเขียนอะไรสักหน่อยเหมือนคนอื่นที่ทำงานในวงการมานานๆกะเค้าบ้าง
เลยลองเริ่มจดๆในนี้แหละนึกอะไรได้ก็จดออกมาก่อน
เราเริ่มทำงานในวงการคอนเสิร์ต เนื่องจากได้มาเจอะพี่ฉอด ผู้พบเราจากการออกแบบเวทีรายการทีวีให้เค้า แล้วเค้าชวนมาทำคอนเสิร์ต... 
คอนเสิร์ตที่เริ่มทำงานส่วนใหญ่ก็ทำแค่ฉาก เพราะทำเป็นแค่นั้น คือคอนเสิร์ตlove actually(คอนเสิร์ตที่เป็นความรักสามแบบ) คอนเสิร์ต peacemaker คอนเสิร์ต retro concert ซึ่งก็ออกแบบมั่วมาก มั่วจนงงๆว่าเวทีคอนเสิร์ตนี่ทำยังไง ทำก๊อกไแก๊ก จนวันนึงได้มาออกแบบคอนเสิร์ตใหญ่ คือ greenคอนเสิร์ต ครั้งนั้นเป็นreturn of the gree concert พี่ใหม่เจริญปุระ เป็นช่วงที่บัตรคอนเสิร์ตก็ขายง่าย และยังค่อนข้างเป็นกิจกรรมเฉพาะกลุ่ม แต่แฟนๆของศิลปินยังเยอะ วิทยุยังเป็นสื่อที่มีพลัง แม้จะลดไปบ้างเมื่อเทียบกับเวลาที่คนทั่วไปถูกปรับไปให้กับทีวีมากขึ้น คอนเสิร์ตนั้นมีแฟนเป็นฐานกรีนเวฟ+grammy ขายสัปดาห์เดียวก็เกือบหมด

วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2558

Diary of idea process: bodyslam13

เพิ่งเห็นว่าหลังๆเพื่อนยอดนักออกแบบมักจะเขียนprocessการทำงานในแต่ละสิ่ง แล้วมันดูมีที่มาที่ไป วันนี้จะลองทำมั่ง เริ่มจากสิ่งที่กำลังทำอยู่เลย..บอดี้13

งานนี้เป็นงานที่เริ่มทำระหว่างช่วงแก้ปัญหางานวิกฤตของละครเวทีโหมโรง ที่ช่างทำงานไม่ทัน ดังนั้นconcentrateในงานเลยมาค่อนข้างช้า กว่าจะเริ่มอินก็ต้องรีบทำแบบส่งละ 

ช่วงเริ่มต้นทำงานพยายามกลับไปคิดว่า บอดี้สแลม13คือคอนเสิร์ตอะไร จิงๆมันคือแค่คอนเสิร์ตที่ชวนคนมารวมสนุกกัน คนดูชีวิตที่มีบอดี้สแลมเป็นส่วนนึงในช่วงชีวิตนั้น

เราเริ่มต้นมั่วๆหลายๆทาง เช่นเอาเวทีบอดี้ทุกอันที่เคยทำมา ยำรวมมิตรกัน..ลองดูละ ออกมาเละไม่สวย แล้วก็ลองเอาถาพจำหรือlogoของแต่ละอีลบั้มมาทำ ก็ดูมั่วๆ เลยกลับไปเริ่มด้วยการคิดอะไรตามโจทย์ ที่ผมว่ามันควรจะใหญ่ๆ เตะตา ดูสนุกสนาน ใส่คอนเท้นได้ ผมเลยได้ไอเดียว่ามันน่าจะมีภาพใหญ่ๆจำนวนมาก เลยอยากmappingอะไรใหญ่ๆ เลยทำเป็นเต้นท์รูปภูเขา(ไอเดียมาจากสนามบินที่colorado) ซึ่งก็คิดว่าดูเข้าทีดี ภูเขาก็เปรียบเสมือนอะไรที่เติบโตสั่งสมเป็นเวลานาน และเข้ากับดัมมะชาติ อัลบั้มสุดท้ายเค้าพอดี ก็ไปเสนอ พี่เต็ดกลัวเรื่องลมจะหอบภูเขาไปเพราะบลมค่อนข้างแรง ใน ขณะเดียวกันผมก็เสนอไปอีกแบบเป็นโครงสร้างนั่งร้านขนาดใหญ่โต นำเสนอการก่อสร้าง ซึ่งก็หมายถึงการสร้างวงบอดี้ โดนrepresentเป็นอาคารนั่งร้านขนาดใหญ่ ที่สามารถเล่นpixel art แบบสามมิติได้ ท้ายสุดพี่เต็ดเอาอันนี้
ส่วนตัวพอกลับมา ก็ยังกลับไปกลับมา คิดไม่ตกว่าทำไมถึงเป็นpixel artได้วะ ลึกๆก็ชอบไอ้ภูเขานั่นอยู่ (ดูมีที่มาที่ไปกว่า) pixel art มันเกี่ยวไรกะ บอดี้13ฟระ เลยยังลังเลๆ แต่พยายามไถสีข้างคิดต่อ ท้ายสุดมาจบที่ทำไมเราไม่ทำpixel artเป็นตัวเลข จะได้เข้ากับconcept 13 ซึ่งพี่เต็ดก็คิดจะเล่นคอนเสิร์ตนี้กับสถิติ กับตัวเลข...ท้ายสุดเลยมีไอเดียว่าทำไมเราไม่เล่นเรื่องตัวเลขกะเวลา ซึ่งมันคือ "นาฬิกา" มาออกแบบนาฬิกายักษ์..พอได้ไอเดียนี้ ก็เริ่มสบายใจขึ้น ..และกำลังจะเริ่มเดินทางต่อ ไปสู่การออกแบบ