วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ผลลัพท์ กะทีมงาน

ส่วนผลลัพท์ของShow ในโดยรวมผมถือว่า ok เป็นไปตามใจพี่โอม
แต่ผมว่ามันก็ไม่ได้ดีมาก ผมเดาว่าคนดูครึ่งนึงจะรู้สึกเบื่อเป็นบางช่วง โดยเฉพาะช่วงETCและ พี่หนึ่งนิดหน่อย แล้วก็พวกsoloยาวของพี่โอมทั้งหลาย และผมเชื่อว่าหลายคนอยากมาฟังการเล่นแบบเดิมๆของพี่พี่ เพราะอยากมาย้อนอดีต และอาจจะผิดหวังที่มีหลายเพลงไม่ได้ร้อง (อย่างผมเองอยากฟังดาราทีวี สาวเฟี้ยวฟ้าว หรือ เรา แต่ก็ไม่ยักมี) พี่โอมแกไม่อยากเล่นหลายๆเพลง มันเลยออกมาเช่นนี้ (จริงๆ ผมก็เข้าใจพี่โอมเค้านะว่าทำไมไม่อยากเล่น เพราะมันลำบาก ภาพและการวางตัว วันนั้นจนถึงวันนี้มันมีความแตกต่างกันอยู่สูง มันก็ลำบากที่จะทำแบบเดิมๆ แบบคนอายุยี่สิบในขณะที่ปัจจุบัย อายุกว่าสี่สิบงี้) แต่รวมๆผมก็ถือว่ามันไม่ได้แย่ production ก็พอทนได้ ผมว่ามันOk แหละ แค่รู้ว่ามันทำได้ดีกว่านี้อีกมาก เพราะการบริหารจัดการเวลายังไม่ดี ทำให้เวลาทำงานจริงหน้างานมันน้อยเกินไป

ภาพที่เอาให้ดูเป็นภาพที่เค้าเอามาจากWebที่เค้าให้สัมภาษณ์ชมทีมงาน ซึ่งก็ไม่ได้กล่าวถึงเราหรอกนะ แต่ไม่เป็นไร เค้ายังอุตส่าหฺลงรูปให้ผม โดดเด่นเลยกลางรูปเป๊ะ ตามทฤษฎี compo จุดเดนตรงกลาง แค่มันเล็กไปหน่อยเท่านั้นแหละ ฮ่าๆๆ (เห็นผมมั้ยคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ)


INNOCENT CONCERT DESIGN

หลังๆผมไม่ค่อยพูดถึงวิธีการทำงานในการทำproductionของconcert
งั้นผมคงพูดในงานinnocent เพื่อเป็นบทสรุปของพัฒนาการในการทำproduction ของผมละกัน
จริงๆแล้วแบบเวทีของinnocentได้ถูกทำขึ้นมาก่อนJoe+J Concert เพราะขายแบบก่อนหน้าJoe+J อีก
แต่ ทั้งสองconcert นี้มีโครงร่างการdesignแบบเดียวกัน (the same conceptual) แต่อาจจะต่างกันในdetail design ดังนั้นจะขอเล่าท้าวความวิธีคิดงานของผม คือหนึ่งต้องสื่อสารMOOD&TONEของconcert รวมไปถึงconceptของConcertให้ได้ก่อน เมื่อได้รูปร่างของงานdesign จอจะเป็นส่วนหนึ่งที่ลูกค้า(และผม) มักต้องการ เพราะมันเป็นอุปกรณืสื่อสารชั้นดี ในกรณีที่เราไม่มีเงินทำset หลายๆset เพื่อสร้างความแตกต่างในshow รวมทั้งจอจะสามารถขยายภาพสดที่เราจะสื่อสาร ณ ขณะนั้นได้ดี แต่อย่างไรก็ตามการสื่อสารด้วยจอ จะทำให้เกิดpatternเวที ที่ซ้ำซาก คือเป็นก้อนสี่เหลี่ยมอยู่ตรงกลาง ครั้นจะมีมากกว่าก้อนเดียวก็ มักจะติดปัญหาที่budget
ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาส่วนใหญ่ของผม ที่ทำมาตลอดปี สองปี คือการใช้movementของจอ เพื่อเปลี่ยนรูปแบบของstage และใช้graphicให้สอดคล้องไปกับpatternจอที่เปลี่ยนไป ซึ่งทั้งงาน JOE+J , GREEN CONCERT, INNOCENTต่างก็เป็นเช่นนั้นด้วยกันทั้งหมด แต่ในช่วงหลัง ผมจะพยายามพัฒาการintrigrate ตัวSET ,จอLED และไฟทั้งหมด ไว้ในDesign ซึ่งงานที่พัฒนาขึ้นมาชัดเจนที่สุดก็คงเป็นงานInnocentเนียะแหละ ซึ่งกว่าจะได้มาอย่างนี้ก็ต้องทะเลาะกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายฉากที่ต้องโดนบังคับให้ทำงานรวดเร็วเพราะต้องให้เวลาตั้งไฟ บนฉาก ฝ่ายแสงที่ไม่อยากตั้งบนฉากเพราะทำงานยากรวมถึงฝ่ายภาพ ที่เป็นห่วงเรื่องmechenic การขยับจอของฝ่ายฉาก แต่ในที่สุดผมก็fightออกมาจนได้ ก็ได้งานอย่างที่เห็นคือ สร้างโครงสร้างฉากที่มีไฟอยู่ในตัว และมีจออยู่ในตัวและขยับเพื่อเปลี่ยนpatternได้
โครงสร้างของProduction designนี้ จะติดตั้งไฟไว้บนฉาก ข้อดีคือเมื่อฉากเปลี่ยนpattern แสงก็เปลี่ยนไปด้วย ทำให้คนดูจะรับรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงของทั้งแสงและฉาก ง่ายต่อการทำsceneให้ดูต่าง ผมรองหลักไว้ด้วยLED par ทั้งสองงานโดยมีฉากรับ เพื่อให้เป็นพื้นที่ส่องไฟจะได้มีแผงรับแสงเต็มๆ ก็ทำให้เพิ่มsceneได้อีก คนดูก็จะรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของแสง ผมขยับTruss เหนือหัวซึ่งมักจะเอาไว้ดักในทางกล้อง(ทำDVD) ให้มันขึ้นลง (เพราะ truss ทุกอันก้ต้องแขวนด้วนรอกไฟฟ้า) ผมก็แค่มาขยับอยู่ระหว่างShow แค่นี้คนดูก็จะรับรู้ได้ถึงความต่างของsceneแบบPhysicalเลย ...แล้วเป็นไปดังคาด เมื่อฉากช้า แสงก็ทำงานไม่ทัน จริงๆงานInnocent แส่งทำงานเสร็จไปแค่30%แต่ท้ายงานก็ออกมาดูดี เพราะโครงที่designมามันเอ้ือให้เกิดความต่างของSceneอยู่แล้ว แค่แสงเดินอยู่ในระบบวิธีคิด (ทำแสงตามสีภาพในจอ กับอารมณ์เพลง) ก็รอดแล้ว
หลังๆ ผมพยายามDesignให้production เวที ไฟ และ จอ มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ชุดไฟส่วนใหญ่จะถูกจัดอยู่ในSet (ทั้ง Joe+J, Innocent, และจริงๆGreen Concertก็ตั้งใจอย่างนั้นแต่เวลาในการทำงานไม่ทันเลยไม่ค่อยออกมาเข้ากันนัก ) เหล่านี้จะทำให้งานดูเรียบร้อย และน่าสนใจ ...สรุปคืองานอาจจะไม่ต้องที่สุด แต่ถ้าเราสามัคคี มันก็จะออกมาดี

ส่วนScene ต่างๆไว้ผมเอามาpresentอีก เพราะinnocentเป็นshowที่ทำและร่วมคิดSceneโดยตลอด แต่ละช่วงจะเก็บมุขไว้ ใช้อย่างเหมาะสม ก็ลองดูจากภาพที่ผมไปขอยืมมากจากพันทิป(โดยยังไม่ได้ขออนุญาติ) แต่ถ้าใครมาเห็นก็ถือว่าขออนุญาติละกันครับ เพราะให้ตัวเองไปถ่ายคงไม่มีเวลา และไม่มีความสามารถ


ปล.. มีคนcomment หลายคนว่าเวทีดูสัดส่วนเอียงไปทางพี่โอมมาก ต้องบอกเลยว่าอันนี้แกขอ เพราะแกไม่มั่นใจ ถ้าพื้นที่เล่นไม่เยอะ เพราะในตอนแรก ผมวางเวทีflat ให้เท่ากันทั้งสี่คนเลย แกบอก....ไม่สะดวก









มรสุมลูกใหญ่ลุกสุดท้าย innocent มรสุมที่พัดนานที่สุด

มาถึงมรสุมใหญ่ลูกสุดท้าย เป็นมรสุมที่มาตั้งแต่เนิ่นๆเลย
ทีมงานorganizerโทรมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนได้มั้ง ว่ามีงานให้ทำเป็นงานของ Innocent
แต่มีข้อตกลงพิเศษคือพี่โอม ชาตรี แกอยากให้คนทำเข้าไปคุยกะแกบ่อยๆ แบบอาทิตย์ละสองสามครั้ง
ผมก็แบบอึ้งๆ ว่าอาทิตย์ละสองครั้ง จะไปทำอะไรทันวะ แต่ด้วยความเป็นแฟนเพลงอินโนเซนท์ ก็เลยตกปากรับคำไปว่าได้ นั่นคือสัญญานของการตอบรับมรสุมลูกน้ีเข้ามา
สักไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ผมต้องไปสัมภาษณ์กะพี่โอม(ยังกะสมัครงาน) ก็ไม่มีไร แค่คุยๆกันผมเป็นแฟนเพลงวงนี้ มันก็ไม่ยากอะไรที่จะทำให้เค้าOK หลังจากนั้น งานผมก็เริ่มเข้าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ไปคุยกะแกทุกๆสัปดาห์ แก(พี่โอม)ก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ผมเข้าไปตอนแรกก็กะว่าทำconcertที่productionดีดี ส่งเสริมวงแก พร้อมีguest ช่วยให้Showมันไม่drop ก็น่าจะเอาอยู่เพราะผมว่าคนดูน่าจะอยากมาฟังเพลงของพี่พี่เค้า(อย่างน้อยผมคนนึงละที่อยากฟัง) ปรากฎว่าพี่โอมมาshotแรก คิดไปนู่น จะมีแตรวงมาเต้นในคนดู จะมีPOM POM GIRL จะมีสาวมาเต้น จะมีแปรอักษร จะมีShowคนตีกัน โอ้ย มีนู่นนี้ตลอด เวย์ ทำมาสี่เดือน ท้ายสุดกลับไปเป็นแบบธรรมดาที่ตูเสนอมาตั้งแต่ต้น ก็เอาวะ ไม่เป็นไร อย่างน้อย Concertนี้เป็น Concert ที่ผมว่ามีการเตรียมตัวละเอียดที่สุด ไม่ขอใช้คำว่าดีที่สุดนะ แต่ขอใช้คำว่าละเอียดที่สุด คือ เอะอะ ก็ลองเทส เอะอะ เอะอะก็ลองทำดู ไอ้ที่ว่านั่น ไม่ได้หมายความว่าลองทำดูในแบบหรือลองทำดูแค่วันจริง แต่คือลองหาวันsetขึ้นมาจริงๆล่วงหน้า ซึ่งก็ดี เพราะมันจะเห็นข้อได้ดีข้อเสียของงานก่อน แค่สงสารorganizer เพราะมันก็แปลว่า เอะอะ เอะอะ ก็ใช้ตังๆ รูปที่แนบให้ดูนี้เป็นPre-Production ทั้งหมดตั้งแต่ Test blocking,Text Costume, Test stage, Test Mechanic ส่วนรูปล่างๆมีตอนRun through กับตอนShow นิดหน่อย






เร่ขายฝัน เพิ่มเติม



รูปเหล่านี้เป็นรูปที่ทีมงานถ่ายในรอบแรกๆของละคร ซึ่งฉากยังไม่สมบูรณ์แต่มันคงดีกว่าที่ถ่ายจากมือถือของผมในmailก่อนหน้านี้









วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

มรสุมลูกใหญ่ เร่ขายฝัน the musical

ต้องยอมรับก่อนว่า งานนี้เป็นงานละครเวทีเต็มตัวครั้งแรก
ด้วยความที่ไม่เคยจริงๆ ความั่นใจก็น้อยลงตามลำดับไป ทางโต๊ะกลมก็มีประสบการณ์ไม่เยอะ
พอยิ่งทำงานไปยิ่งงง กันไปใหญ่ งานนี้กระบวนการทำงานค่อนข้างfail นะ ผมยอมรับ คือเรารู้ว่าทางลูกค้า
เค้าคาดหวังอะไรบ้างซึ่งเยอะมากๆๆ แต่เราทำได้ไม่ถึง โจ้(ลูกค้า)ถึงกับต้องมานั่งเฝ้า ซึ่งยิ่งทำให้ทำงานอึดอัด และช้าลงไปอีก และงานก้อยิ่งไม่เดินหน้า ยิ่งเครียด ต้องยอมรับมางานนี้ไอ้ อ่ะ(ทีมงาน)มาช่วยไว้ ไม่งั้นก็ยิ่งหนัก หน้าที่ของมันมีไม่มาก แค่ให้กำลังใจลูกพี่มัน ว่างานdesignมันดีแล้ว เป็นที่คอยให้เราconfirmงาน แต่นั่นก็สำคัญมาก เพราะเราเองก็ยิ่งมึนๆ มรสุมก็เข้ามามากมายหลายลูก
งานนี้เป็นงานที่ทำนานมาก พอพอกะinnocent แต่กดดันกว่า เพราะความไม่เคย และภาพที่ตัวเองตั้งไว้สูงมาก
ไม่เคยคิดว่าจะทำฉากละครเวทีออกมาธรรมดาๆ (แบบที่เห็นออกใช้เป็นของจริง นั่นแหละธรรมดามาก)
มั่วแต่คิดจะไม่ธรรมดา งานก็เลยไม่ค่อยเดิน แล้ววันนึงพี่สังก็ คงอดทนไม่ไหว ว้ากใส่ ผมอย่างแรง
แรงเลยแหละ ถึงกับหดหู่ไปพักนึง แต่งานก็ต้องทำ ก็อดนอนๆๆๆ ทำๆๆๆ มันก็เริ่มมีงาน มีพ้ง มี อ่ะ มาช่วยทำนู่นนี่นั่น แนวตัดmodelอะไรต่างๆ มันก็เริ่มมีงานขึ้น ก็ทนๆ ตู๊ๆๆ มาจนงานออกมา ก็มีคำชมมากมายนะ
แต่ผมไม่รู้สึกอะไรเลย รู้สึกอายด้วย เพราะไอ้ที่อยากให้เป็นมันไม่ได้มีแค่นี้เลย ท้ายสุดก็เป็นงานที่ออกมาสวย แต่แสนธรรมดา ไม่ได้มีอะไรใหม่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย ถ้ามีโอกาส คราวหน้าก้อยากลองแก้ตัว (ซึ่งความว่าคงไม่มีแล้ว ฮ่าๆๆ) ...ขี้เกียจเขียนละ วันนี้ง่วงมากละ

ลมมรสุม Greenwave the greastest song

จริงๆตอนรับบรีฟกะพี่ฉอดครั้งแรกผมถึงกะอึ้งๆ คอนเสิร์ตอะไรวะเล่นกันห้าชั่วโมง จะหลับก่อนมั้ยเนียะ แต่พี่ฉอดบอกว่าGREENทำทั้งที เราต้องมากที่สุด เยอะที่สุด อะไร อะไรก็ที่สุดตามสไตล์ของพี่ฉอด ในใจผมนึกว่า " แล้วมันจะเหนื่อยที่สุดด้วยรึเปล่าวะ" แต่พอทำ ผมก็ค่อนข้างช้าสำหรับงานนี้ เพราะผลพวงของการกระทบจากมรสุมลูกอื่นก็มีบ้างเป็นประปราย แต่ความยากมันเริ่มเกิดตั้งแต่ตอนรับbriefว่าพี่ฉอดอยากได้concertที่มีหลายๆscene เพราะตอนแรกผมกะแบบมักง่ายว่าก็คงเป็นคนๆออกมาร้องเพลงกันไป แค่ศิลปินก็เยอะขนาดนี้ ก็พอไหวน่ะ "แต่ในใจพูดว่า ..คนดูหลับแน่มึงงงง...ทำไงดีวะ" แต่ไอ้ความยากที่พี่ฉอดบอกว่าอยากจัด Groupingของshow เพื่อแบ่งให้เป็นsceneๆ เนียะ เป้นความยากที่ผมรับได้ เพราะมันทำให้ผมคิดง่ายขึ้นในแต่ละกลุ่มว่าควรเป็นยังไง คนดูจะได้ไม่หลับ

ความยากจริงๆของผมมาเกิดตอนที่ผมมารู้ว่าพี่ฉอดสุดที่loveเนียะจะไปเมืองนอก แล้วก็ไปนานนนซะด้วย กลับมาก็มาถึงก่อนshowเลย ตอนแรกก็นึกในใจ "สบายละ ไม่ต้องกดดัน "แต่ไปไปมามา กลับยิ่งวุ่นเพราะไม่มีคนเคาะ คนทำงานคนอื่นๆก็เสนอนู่นนี้ มั่วไปหมด เราเองก็เยอะจะทำนู่นนี่นั่น กลางเป็นงานยักแย่ยักยัน ต้องโทรไปหาพี่ฉอดกันวันละสิบเที่ยว คนนู้นเสนออย่างงู้นคนนี้เสนออย่างงี้ โทรกันdirect ไม่รู้ว่าอันไหนupdate มึนเป็นที่สุด
ท้านสุดวิธีคิดมันก็ออกมาเป็นกลุ่มๆ สองกลุ่มใหญ่ๆคือเปิดตัวศิลปิน กับเปิดตัวก้อนเพลงแนวต่างๆที่เป็นที่นิยมของชาวGreenwave พอมันgroupingชัดเจนก็ง่ายนิดนึง ผมพยายามออกแบบให้เปิดตัวศิลปินเป็นการเปิดจากที่ต่างๆกันไป ส่วนการจัดกลุ่มก้อนเพลงจะพยายามใส่Machenic ต่างๆ เพื่อลดความเป็นศิลปินลง แต่เน้นความเป็นเพลงมากกว่า Stageความนี้ ผมเบื่ออะไรที่มันตรงกลาง เลยทำstageแบบเอียงๆ เพื่อให้มันดูแปลกตาไปบ้าง แล้วก็เน้นความGrand คือเวทีกรอบยาวตั้งแต่ฝั่งนึงไปจนอีกฝั่งเลย(แต่ดันมีคนดูบอกว่าไม่ค่อยแกรนด์ แต่นี่ก็ที่สุดแล้ว - -')
เป็นงานที่วุ่นวายมาจนท้ายที่สุด เป็นงานที่ค่อนข้างมั่วงานนึกในปีนี้ เพราะเวลาการทำงานจำกัดมาก
ผมพยายามdesign ทุกอย่างให้มี Block ให้ศิลปินและdancer อยู่ในที่ที่ไฟอยู่ก็จะทำงานได้ทันเวลา แต่Choreoทำshowไปซะมากมาย เดินพล่านไปหมด ผมก็ทำไฟให้ไม่ทัน ก็จบเห่ มั่วไปหมด
ปล งานคราวนี้ผมผิดเรื่องการทำงานช้ามากแล้วดันทำslope ชันมากทำให้ผู้หญิงใส่ส้นสูงเดินไม่ได้เลย
เสียfunctionไปเยอะเลย เลยทำให้ที่design ไว้ มันก็มั่วไปกว่าเดิมอีก แต่ดีที่Showมันเอาอยู่ อย่างน่าประหลาดใจ ต้องยอมพี่ฉอดจิงๆว่าแกแม่นเรื่องของคนgreenwaveมากๆ แกเรียงเพลง ที่ทำให้คนดูไม่หลับ แต่ก็เพราะmechenicที่คิดกันมาด้วย ที่ทำให้คนดูมันมีอะไรให้สนใจตลอดshow