วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Do we see things the same?

ตลอดเวลาตัั้งแต่สมัยเด็กๆผมครุ่นคิดอยู่เสมอ. ถ้าเราสอนลูกให้เรียกสีแดงที่เราเห็นว่าสีเขียว
สอนให้เรียกก้อนหินว่าฟางข้าว สอนให้เรียกรสหวานว่ารสเค็ม
ลูกเราพอไปถึงโรงเรียนจะงงมั้ย สังคมในโรงเรียนจะทำอย่างไรกับลูกเรา และลูกเราจะออกมาเป็นอย่างไร
จะเชื่อเรามั้ย จะสับสนแค่ไหน และจะปรับตัวอย่างไร

แต่สิ่งที่คิดนั้นคงยังไม่ได้ทำง่ายๆเพราะหนึ่งคือผมยังไม่มีลูก หรือแม้แต่เมียก็ยังไม่มีเลย(คิดข้ามขั้นไปมาก)
และถึงแม้จะมีลูกแล้ว เมียผมคงขวางไม่ให้ผมทดลองอย่างนั้นกับลูกผมเอง(ซึ่งก็ลูกเค้าด้วย) อย่างแน่นอน

แม้จะยังไม่ได้ทดลองไปแต่การคิดจากวัยเด็กนั้นผมได้รับการตอกย้ำว่าการที่เราเห็นอะไรนั้นเป็นการสอนกันมาทั้งนั้น
โดยเฉพาะจากวิชาชีพผมเอง ผมทำงานอยู่บนความสวยงาม หลายครั้งที่ผมต้องอยู่บนความขัดแย้งกันของคำว่าสวยงาม
คือคนนึงว่าสวยอีกคนนึงว่าไม่สวย คนนึงว่าสีเข้ากันอีกคนว่าสีไม่เข้ากัน อะไรแบบนี้มากมายหลายต่อหลายครั้ง
ทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาว่าจริงๆแล้วคนเราเห็นอะไรเหมือนกันจริงมั้ย

สีแดงที่ว่าแดง ถ้าอยู่ในร่างกายอีกคนจะเห็นเหมือนกันมั้ย หน้าตาผมมองตัวเองเหมือนหน้าตาคนอื่นมองผมมั้ย
อย่างที่เรารู้ว่าภาพทีเราเห็นเกิดจากการตกกระทบของแสงเข้าสู่ตาเรา ตาเรารับข้อมูลไปประมวลผลในสมอง
แต่เรารู้ได้อย่างไรว่าทุกคนประมวลเหมือนกัน เท่ากันเป๊ะๆ
ขาแขนนิ้วยังหน้าตาไม่เหมือนกัน ยาวไม่เท่ากัน นับประสาอะไรกับสมองและเส้นประสาทที่แต่ละคนก็คงไม่เหมือนกัน
กล้ามเนื้อของ โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ น่าจะเคื่อนไหวได้เร็วกว่าคนทั่วไปอันนี้เราเห็นเป็นรูปธรรมแต่จริงๆแล้วประสาทตา
ของโรเจอร์อาจจะเร็วกว่าเราทำให้เค้าเห็นลูกเทนนิสเคลื่อนไหวช้ากว่าเราก็เป็นได้ เค้าจึงตอบสนองได้ดีกว่าเรา
อันนี้ไม่มีใครทราบได้เพราะไม่เห็นเป็นรูปธรรม แต่ผมเชื่อว่ามันไม่เท่ากันแน่นอน

ซึ่งเมื่อแปลได้ดังนี้ผมว่าหน้าของเราทุกคน สีผิวของเราทุกคนอาจจะไม่ได้เหมือนกันเป๊ะๆในตาของแต่ละคน
จึงเป็นที่น่าสนใจมากว่าหน้าตาของเราเมื่ออยู่ในตาคนอื่นมันเป็นอย่างไร
เราคงไม่สามารถรู้ได้ตราบใดที่เรายังไม่สามารถสลับร่างกายกับคนอื่นได้
แต่ผมว่าสิ่งเหล่านี้เป็นคำถามที่ชวนให้คิดว่าในตาของเรา เราเห็นเหมือนหรือคนอื่นแตกต่างกันแค่ไหน

และเมื่อเข้าใจเช่นนี้ มันจะสะท้อนออกไปสู่เรื่องต่างๆ ที่ใหญ่กว่านั้นว่าการตัดสินใจหรือฟันธงอะไรไปนั้นว่ามันดี มันถูกต้อง
หรือมันผิดมันเลว จริงๆแล้วมันก็เป็นเพียงในมุมมองของเราเท่านั้น หาใช่ในมุมมองของคนอื่นไม่  เพราะขนาดของสิ่งเดียวกันคนเราทุกคนยังเห็นออกมาไม่เหมือนกันเลย
นับประสาอะไรกะเรื่องอื่นๆทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ เพราะคำว่าบรรทัดฐานในโลกมันเป็นสิ่งที่ไม่จริงเพราะท้ายสุดในบรรทัดฐานนั้นๆ เราก็ต้องเอาตัวเราเป็นไม้บรรทัดในการวัด และตัวเราแต่ละคนนั้นก็เห็นและเข้าใจอะไรไม่เท่ากันและไม่เหมือนกันเลยอยู่เลย

ว่าแล้วก็อยากทำนิทรรศการศิลปะสักชุด ว่าคนเรามองคนหน้าตาเป็นอย่างไร
คุณอภิสิทธิ์เห็นหน้าคุณทักษิณเป็นอย่างไร
คุณสุเทพเห็นหน้าคุณทักษิณเป็นอย่างไร
คุณจตุพรเห็นหน้าคุณทักษิณเป็นอย่างไร
คุณอริสมันต์เห็นหน้าคุณทักษิณเป็นอย่างไร
จะเห็นเหมือนผมเห็นมั้ย
...แล้วคุณละจะเห็นเหมือนกันแค่ไหน?

ไม่มีความคิดเห็น: