วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2551

โลกที่เปลี่ยนไปของธุรกิจดนตรี

วันนี้ขอเขียนอะไรนอกเรื่องจากshow businessสักหน่อย
เรื่องธุรกิจดนตรี แต่ก่อนจะว่ากันเรื่องนั้น ต้องเกริ่นว่า
ผมเป็นคนที่มีความเชื่อเรื่องคลื่นลูกที่สามอยู่พอสมควร(หนังสือเล่มนึงที่ผมชอบมาก)
และเชื่อเรื่องโลกที่เปลี่ยนแปลงจากการติดต่อสือสารอย่างรวดเร็วในยุคInternet
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมชอบเรื่องbranding และเป็นคนชอบมองโลกที่กำลังเปลี่ยนไป

เริ่มเรื่องดีกว่านะ
วันนี้(10.10.08)ผมเองไปประชุมกับลูกค้า(พี่ฉอด หรือ DJ ฉอด) เรื่องการปรับLOGO
และ branding ของธุรกิจในport folioของแก ระหว่างที่รอผมเตรียมงานเพื่อ ขายแบบอยู่ ก็มีพี่ผู้ใหญ่ในห้องท่านนึง ก็พูดถึงเรื่องการLOAD เพลง ในช่วงนี้ยอดตกลงไป คนไม่ค่อยload
และก็พูดถึงเรื่องต่างๆนานา เกี่ยวกับการประชุมของGMM ซึ่งผมคงไม่มากล่าวในที่นี้

แต่สิ่งนึงที่เห็นได้จากการคุยนั้นก็คือ ผมพบว่าธุรกิจเพลงมันช่างเปลี่ยนแปลงไปมาก
มากในแบบที่เราไม่ทันมองเห็น อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่า เดี๋ยวนี้เพลงมันขายได้จาก
RINGTONE ,RING BACK TONEเป็นหลัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถือเป็นของส่วนตัว
ของผู้ใช้ การที่เสียงมือถือดังขึ้นมันเปรียบเสมือน การแสดงตัวตนของผู้ใช้
จิงส่งผลต่อการเลือกเพลง เป็นอย่างมาก เพราะเพลงเหล่านี้ มันแสดงความเป้นตัวตน
บางเพลงที่เสี่ยวก็จะทำให้ผู้ใช้ดูเสี่ยว หรือบางเพลงอาจจะขบขันก็แสดงถึงความขบขัน
หรือกวนตีน ของผู้ใช้ (ซึ่งทุกวันนี้ผมก็รู้สึกหลายๆครั้งต่อการโทรหาใครแล้วเพลงอะไรดัง
มันมักจะชวนให้คิดว่า นี่เค้าต้องการบอกอะไรผมเนียะ ว่าเค้าเป็นคนอย่างไร)

ทุกวันนี้การทำธุรกิจเพลงให้ดัง จึงต้องทำเพลงที่ดี มีคุณภาพ เหมาะกับตัวตนของผู้ใช้
มีประโยคที่มีความหมายต่อการฟัง ต่อการคิดว่าถ้าคนที่ฟังเพลงนี้มีภาพพจน์ยังไง
รวมถึงตัวผู้ร้องก็มีผลกระทบโดยตรงต่อ ผู้ใช้ringback tone หรือ ringtoneนั้นๆ
เป็นการกระทบชิ่งของภาพลักษณ์ ทุกวันนี้เพลงที่load มาก อาจจะไม่ใช่เพลงที่เปิดในวิทยุ หรือ
สื่อต่างๆมากมาย แต่กลับเป็นเพลงที่มีความหมายตรงใจ หรือ เพลงที่มีผู้ร้องภาพลักษณ์ดีดี นั่นเอง

เมื่อวิเคราะหฺให้ลึก นี่เป็นการ ย้ายของอำนายจาก ผู้มีสื่อ ไปสู่ ผู้ใช้ หรือผู้รับสื่อ
ทุกวันนี้เป็นวันแห่งทางเลือก เราสามารถเลือกความเป็นตัวตนของเรา
ผ่านแม้กระทั่งทางการฟังเพลง ยุคนี้เป็นยุคที่ มีความแข็งแรงเรื่องcommunity หรือ FC
เป็นยุคที่ ผู้ใช้หรือกลุ่มผู้ใช้เป็นผู้กำหนดทิศทางของธุรกิจ ไม่ใช่ยุคของคลื่นลูกที่สอง หรือ
ยุคที่ผู้ขายมีของอะไร ก็ ไปออกสื่อ หรือโฆษณา ก็จะขายได้ อีกต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น: